หลายคนคิดว่า AI (Artificial Intelligence – ปัญญาประดิษฐ์) คือเทคโนโลยีที่อยู่ในห้องวิจัย, โรงงานใหญ่ ๆ หรือแค่ในหนังไซไฟ แต่ความจริงแล้ว AI เข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของเรามานานแล้ว เพียงแต่ถูกซ่อนอยู่ในรูปแบบของบริการ แอปพลิเคชัน และอุปกรณ์ที่เราใช้อยู่ทุกวัน
การเข้าใจว่า AI อยู่ตรงไหนบ้าง จะช่วยให้เรา ใช้ประโยชน์จากมันได้เต็มที่ ระมัดระวังเรื่องข้อมูลส่วนตัว และปรับตัวกับโลกดิจิทัลที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
สารบัญ
10 ตัวอย่าง AI ใกล้ตัวที่คุณใช้อยู่แล้ว
1. ระบบปลดล็อกใบหน้า (Face Recognition)
AI ถูกใช้ใน Face ID หรือระบบสแกนใบหน้า โดยมันจะเรียนรู้ตำแหน่งดวงตา จมูก ปาก และลักษณะเฉพาะของเรา เพื่อยืนยันตัวตนอย่างแม่นยำ
👉 ผลลัพธ์: สะดวก ปลอดภัยกว่าพาสเวิร์ด แต่ก็ต้องระวังเรื่องความเป็นส่วนตัว
2. ผู้ช่วยเสียง (Voice Assistant)
Siri, Google Assistant, Alexa และ Bixby ใช้ AI ประมวลผลภาษา (NLP) ทำให้เข้าใจคำสั่งเสียง เช่น
- “พรุ่งนี้ฝนตกไหม?”
- “เปิดเพลงโปรดของฉัน”
- “โทรหาคุณแม่”
👉 ผลลัพธ์: เราสั่งงานอุปกรณ์ได้โดยไม่ต้องกดปุ่ม ช่วยคนพิการและผู้สูงอายุได้มาก
3. การกรองอีเมลขยะ (Spam Filter)
ทุกครั้งที่ Gmail หรือ Outlook จัดการแยกเมลโฆษณา-เมลหลอกลวงออกไป ระบบนั้นใช้ AI วิเคราะห์ รูปแบบข้อความ, ชื่อผู้ส่ง, พฤติกรรมผู้ใช้ เพื่อจำแนกว่าอีเมลใดคือสแปม
👉 ผลลัพธ์: ลดความเสี่ยงโดนฟิชชิง (Phishing) และทำให้กล่องจดหมายสะอาดขึ้น
4. การแนะนำสินค้าออนไลน์ (Product Recommendation)
เคยสงสัยไหมว่า ทำไมเวลาเปิด Lazada, Shopee หรือ Amazon มักจะมีสินค้าที่ตรงใจเราโผล่มาเสมอ?
คำตอบคือ AI วิเคราะห์ประวัติการค้นหาและการซื้อสินค้า รวมถึงพฤติกรรมคนที่คล้ายเรา แล้วแนะนำสิ่งที่ “น่าจะชอบ”
👉 ผลลัพธ์: เพิ่มโอกาสซื้อของมากขึ้น แต่ก็ทำให้เราเผลอใช้เงินง่ายขึ้นเหมือนกัน 😅
5. การแนะนำเพลงและวิดีโอ
Spotify, YouTube และ Netflix ใช้ AI ในการวิเคราะห์เพลงที่เราฟัง หนังที่เราดู แล้วสร้างเพลย์ลิสต์หรือแนะนำคลิปที่ตรงกับความสนใจของเรา
👉 ผลลัพธ์: เราเจอเพลงใหม่ ๆ หนังใหม่ ๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาหานาน
6. การแต่งภาพอัตโนมัติบนมือถือ
มือถือสมัยใหม่ใช้ AI ช่วย:
- จับโฟกัสใบหน้า
- ทำโหมดหน้าชัดหลังเบลอ
- ลบสิวและริ้วรอยอัตโนมัติ
👉 ผลลัพธ์: ทุกคนถ่ายรูปสวยได้ง่าย ๆ แม้ไม่ใช่ช่างภาพมืออาชีพ
7. ระบบช่วยขับรถ (Driver Assistance)
รถยนต์ยุคใหม่มีฟีเจอร์อย่าง Adaptive Cruise Control, ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน, Lane Keeping Assist ซึ่งทั้งหมดใช้ AI และเซนเซอร์ช่วยวิเคราะห์การขับขี่
👉 ผลลัพธ์: ลดอุบัติเหตุ เพิ่มความปลอดภัยบนถนน และเป็นก้าวแรกสู่รถยนต์ไร้คนขับ
8. การตรวจจับการฉ้อโกง (Fraud Detection)
เวลาคุณใช้บัตรเครดิตหรือโอนเงิน หากระบบพบว่าพฤติกรรมผิดปกติ เช่น ใช้บัตรที่ต่างประเทศ ทั้งที่คุณไม่เคยไป AI จะตรวจจับและแจ้งเตือนทันที
👉 ผลลัพธ์: ป้องกันมิจฉาชีพ ช่วยให้ธุรกรรมออนไลน์ปลอดภัยมากขึ้น
9. การคัดเลือกข่าวและโพสต์บนโซเชียลมีเดีย
AI คือเบื้องหลัง News Feed Algorithm ของ Facebook, TikTok, Instagram, X (Twitter) ที่เลือกโพสต์มาแสดงให้เราเห็น โดยใช้ข้อมูลจาก:
- สิ่งที่เรากดไลก์ แชร์ คอมเมนต์
- เวลาที่เราใช้กับคอนเทนต์
👉 ผลลัพธ์: ฟีดที่ตรงใจ แต่ก็นำไปสู่ “Echo Chamber” คือการเห็นแค่สิ่งที่ตรงกับความคิดเรา
10. AI ด้านสุขภาพและการแพทย์
สมาร์ทวอทช์ แอปสุขภาพ และเครื่องมือทางการแพทย์ ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูล เช่น
- การเต้นของหัวใจ
- การนอนหลับ
- ความเสี่ยงโรคเบาหวานหรือหัวใจ
👉 ผลลัพธ์: ตรวจจับโรคได้เร็วขึ้น ป้องกันก่อนเกิดอาการรุนแรง
สรุป AI ใกล้ตัว
AI ไม่ได้อยู่ไกลตัวอย่างที่คิด แต่ซ่อนอยู่ในมือถือ อีเมล รถยนต์ การช้อปปิ้ง และแม้แต่สุขภาพของเรา การเข้าใจว่า AI อยู่ที่ไหนบ้าง จะช่วยให้เรา ใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ ปรับตัวกับอนาคต และป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

บทความแนะนำ
- การลงทุนขายฝากคืออะไร? ปี 2025 | ดอกเบี้ยสูง ความเสี่ยงต่ำ
- ลงทุนอะไรดี 2025? หุ้น vs อสังหา vs ขายฝาก
- ขายฝาก vs ให้เช่า Passive Income 2025 แบบไหนคุ้ม
สนใจคอร์สเรียนอสังหาหรือปรึกษาด้านการลงทุนอสังหา
สถาบันสอนอสังหา Future Developer Academy







