ปี 2568 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลยังคงร้อนแรง โดยเฉพาะในกลุ่ม “ที่ดิน” ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าเพิ่มต่อเนื่อง โดยบทความนี้จะวิเคราะห์ ราคาที่ดิน กรุงเทพและปริมณฑล 2568 ทำเลทองที่ราคาพุ่งแรงที่สุด รวมถึงแนวโน้มและคำแนะนำสำหรับนักลงทุน
สารบัญ
ราคาที่ดินในกรุงเทพฯ ปี 2568: แนวโน้มโดยรวม
ราคาประเมินที่ดินปรับขึ้นเกือบทุกเขต
ข้อมูลจากกรมธนารักษ์ในช่วงต้นปี 2568 ระบุว่า ราคาประเมินที่ดิน ปรับขึ้นเฉลี่ย 5–12% เมื่อเทียบกับรอบก่อนหน้า โดยเฉพาะย่านที่มีระบบรถไฟฟ้าเข้าถึง ส่งผลให้ที่ดินมีมูลค่าสูงขึ้นต่อเนื่อง
- เขตที่ราคาปรับขึ้นสูงสุด: สาทร, สีลม, เพลินจิต, สุขุมวิท
- พื้นที่รอบแนวรถไฟฟ้าสายใหม่: ราคาขยับขึ้น 8–10%
ทำเลไหนในกรุงเทพ “แพงที่สุด”?
อันดับ 1 – สีลม/สาทร
- ราคาสูงสุด: มากกว่า 1.2 ล้านบาท/ตร.ว.
- ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจ (CBD), ระบบขนส่งสาธารณะ, อาคารสำนักงานชั้นนำ
- ความต้องการซื้อ–ขายยังสูงแม้ราคาสูง
อันดับ 2 – เพลินจิต/วิทยุ
- ราคาเฉลี่ย: 900,000–1,100,000 บาท/ตร.ว.
- โดดเด่นด้วยโครงการ Mixed-Use และโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว
- เป็นพื้นที่ที่ดินหายากมาก ทำให้ราคาสูงและแข็งตัว
อันดับ 3 – ทองหล่อ/เอกมัย/สุขุมวิท
- ราคาเฉลี่ย: 700,000–950,000 บาท/ตร.ว.
- เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ ชาวต่างชาติ และนักธุรกิจ
- ความต้องการโครงการแนวสูงยังมีต่อเนื่อง ทำให้ที่ดินมีมูลค่าเพิ่ม
ราคาที่ดิน “รอบกรุงเทพ” หรือเขตปริมณฑล 2568
นนทบุรี (แคราย–ติวานนท์–รัตนาธิเบศร์)
- ราคาเฉลี่ย: 100,000–250,000 บาท/ตร.ว.
- ได้รับอานิสงส์จาก MRT สายสีม่วง
- เหมาะกับการลงทุนคอนโดและโครงการบ้านจัดสรร
สมุทรปราการ (บางนา–เทพารักษ์)
- ราคาเฉลี่ย: 70,000–180,000 บาท/ตร.ว.
- ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ และรถไฟฟ้าสายสีเขียว
- เป็นเขตอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ที่เติบโตต่อเนื่อง
ปทุมธานี (รังสิต–คลองหลวง)
- ราคาเฉลี่ย: 30,000–90,000 บาท/ตร.ว.
- ราคายังไม่สูงมาก เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหา “ต้นทุนต่ำ-โอกาสสูง”
ปัจจัยที่ผลักดันราคาที่ดินให้พุ่งในปี 2568
- การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟฟ้าสายใหม่, ทางด่วน, รถไฟความเร็วสูง
- การเปิดโครงการ Mixed-Use จากกลุ่มทุนใหญ่ เช่น เซ็นทรัล, MQDC, Origin
- ความต้องการของต่างชาติ โดยเฉพาะนักลงทุนจากจีนและสิงคโปร์
- จำนวนที่ดินเหลือน้อยในย่าน CBD ทำให้ต้นทุนสูงตามกลไกตลาด
หากคุณอยากลงทุน ควรรู้สิ่งนี้
1. ซื้อที่ดินเปล่าในทำเลกำลังเติบโต
ไม่จำเป็นต้องซื้อในเขตแพงที่สุด แต่ควรมองหาทำเลรองที่มีแนวโน้มขยายตัว เช่น บางใหญ่, ลำลูกกา, ศาลายา ซึ่งมีราคาที่ยังไม่พุ่งเต็มที่
2. ตรวจสอบราคาประเมินกรมธนารักษ์
เพื่อไม่ให้จ่ายเกินราคาจริง ควรดู ราคาประเมินที่ดิน 2568 ที่ปรับใหม่ และเปรียบเทียบกับราคาตลาด
3. พิจารณาเป้าหมายการใช้ที่ดิน
- ซื้อเก็งกำไร → ต้องเน้นทำเลที่จะมีโครงการใหม่เข้ามา
- ซื้อปล่อยเช่า → ควรอยู่ใกล้แหล่งงานหรือแหล่งเรียน
- ซื้อพัฒนาโครงการ → ต้องดู FAR, ข้อจำกัดการก่อสร้างในแต่ละพื้นที่
สรุป: ราคาที่ดิน กรุงเทพและปริมณฑล 2568
- กรุงเทพชั้นในยังคง “แพงที่สุด” โดยเฉพาะสีลม–สาทร–เพลินจิต
- ปริมณฑลหลายแห่งยังมีราคาที่จับต้องได้ เหมาะกับการลงทุน
- ควรติดตามราคาประเมินที่ดินจากกรมธนารักษ์ และข่าวสารโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ๆ
- สำหรับนักลงทุนมือใหม่ อาจเริ่มจากทำเลรอบนอกก่อนเพื่อควบคุมความเสี่ยง
อยากเริ่มลงทุนอสังหาริมทรัพย์แบบเข้าใจง่าย?
ลองเริ่มจากคอร์สเรียนด้าน จำนอง–ขายฝาก ที่ให้คุณรู้วิธีถือครองโฉนด ปล่อยกู้แบบปลอดภัย สร้างรายได้แบบ “เสือนอนกิน” ได้ดอกเบี้ยสูงถึง 12–15% ต่อปี

บทความแนะนำ
- การลงทุนขายฝากคืออะไร? ปี 2025 | ดอกเบี้ยสูง ความเสี่ยงต่ำ
- ลงทุนอะไรดี 2025? หุ้น vs อสังหา vs ขายฝาก
- ขายฝาก vs ให้เช่า Passive Income 2025 แบบไหนคุ้ม
สนใจคอร์สเรียนอสังหาหรือปรึกษาด้านการลงทุนอสังหา
สถาบันสอนอสังหา Future Developer Academy